ห้องคลีนรูมเป็นพื้นที่ทำงานที่ต้องการความสะอาดสูงสุด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนที่อาจส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ยา อาหาร และชีววิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากมาตรการควบคุมฝุ่นละออง และเชื้อโรคแล้ว ความปลอดภัยในการทำงานก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องให้ความสำคัญ การปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการปนเปื้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ บทความนี้จะนำเสนอหลักการ และแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการทำงานในห้องคลีนรูมที่ไม่ควรมองข้าม

1. การสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE)
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันการปนเปื้อนในห้องคลีนรูม คือการใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment – PPE) อย่างเหมาะสม PPE ไม่เพียงแต่ช่วยรักษาความสะอาดของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังช่วยปกป้องพนักงานจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น การสัมผัสกับสารเคมีอันตราย การเกิดไฟฟ้าสถิต และฝุ่นละอองที่อาจก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจ
อุปกรณ์ที่สำคัญประกอบด้วย
– ชุดคลุมคลีนรูม เสื้อ กางเกง หรือเป็นชุดแบบจั๊มสูท ช่วยป้องกันฝุ่น และสิ่งปนเปื้อนจากร่างกาย
– ถุงมือลาเท็กซ์ และไนไตร ช่วยป้องกันการสัมผัสกับสารเคมี และลดการปนเปื้อนจากมือ
– หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากกรองอากาศ ช่วยลดการแพร่กระจายของละอองฝอยจากการหายใจ และการพูดคุย
– หมวกคลุมผม ช่วยป้องกันเส้นผมร่วงหล่นลงบนพื้น หรือปนเปื้อนผลิตภัณฑ์
– รองเท้าคลีนรูมหรือปลอกคลุมรองเท้า ช่วยลดการนำฝุ่นและสิ่งสกปรกจากภายนอกเข้ามา

2. การควบคุมระบบระบายอากาศ
ระบบระบายอากาศในห้องคลีนรูมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยรักษาความสะอาดของอากาศและป้องกันการสะสมของฝุ่น และเชื้อโรค การเลือกใช้ตัวกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น HEPA (High Efficiency Particulate Air) หรือ ULPA (Ultra Low Penetration Air) เป็นสิ่งจำเป็น ระบบเหล่านี้สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 99.99% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนที่อาจกระทบต่อผลิตภัณฑ์ การบำรุงรักษาระบบระบายอากาศควรดำเนินการอย่างสม่ำเสมอ โดยมีการตรวจสอบประสิทธิภาพของตัวกรอง ตรวจสอบแรงดันอากาศ และทำความสะอาดช่องระบายอากาศเป็นประจำ ควรติดตั้งระบบตรวจสอบคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์เพื่อให้สามารถควบคุมระดับความสะอาดได้ตลอดเวลา

3. การฝึกอบรมพนักงาน
พนักงานที่ปฏิบัติงานในห้องคลีนรูมควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับข้อกำหนด และแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยในห้องคลีนรูม รวมถึงการใช้อุปกรณ์ PPE อย่างถูกต้อง การจัดการสารเคมี การควบคุมความสะอาด และวิธีปฏิบัติในกรณีฉุกเฉิน เช่น กรณีสารเคมีรั่วไหล หรือเพลิงไหม้ นอกจากนี้ ควรมีการทบทวน และอบรมเพิ่มเติมเป็นระยะเพื่อให้พนักงานได้รับข้อมูลล่าสุด และสามารถปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยได้อย่างถูกต้อง ห้องคลีนรูมบางแห่งอาจมีโปรแกรมฝึกอบรมออนไลน์หรือแบบทดสอบประเมินความรู้เป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานจะสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดได้

4. การจัดการสารเคมีและวัสดุอันตราย
สารเคมีที่ใช้ในห้องคลีนรูม เช่น สารทำความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อ และสารละลายบางชนิด อาจมีความเป็นพิษ หรือไวไฟ การจัดเก็บ และใช้งานต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น เก็บสารเคมีในภาชนะที่ปิดสนิท และมีฉลากระบุรายละเอียดอย่างชัดเจน จัดเก็บในบริเวณที่มีระบบระบายอากาศเฉพาะ และห่างจากแหล่งความร้อนหรือเปลวไฟ มีแผนรับมือกรณีสารเคมีหก หรือรั่วไหล พร้อมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใช้ PPE ที่เหมาะสมเมื่อต้องสัมผัสหรือจัดการสารเคมี ควรมีการตรวจสอบสต็อกสารเคมีอย่างสม่ำเสมอ และกำจัดสารเคมีที่หมดอายุ หรือไม่ได้ใช้งานอย่างถูกวิธี เพื่อลดความเสี่ยงจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น.

5. การจัดการความสะอาดพื้นที่
นอกจากมาตรการด้านความปลอดภัยแล้ว การรักษาความสะอาดของพื้นปฏิบัติงานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการปนเปื้อน และเพิ่มประสิทธิภาพของห้องคลีนรูม การใช้เครื่องมือทำความสะอาดที่เหมาะสม เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์ที่ไม่มีเส้นใยหลุดร่วง และน้ำยาฆ่าเชื้อที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน สามารถช่วยให้พื้นผิว และอุปกรณ์ปลอดจากเชื้อโรค และฝุ่นละอองได้ นอกจากนี้การกำหนดตารางการทำความสะอาดที่ชัดเจนและการบันทึกข้อมูลการทำความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรฐานความสะอาดได้รับการปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ
ความปลอดภัยในการทำงานในห้องคลีนรูมเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญควบคู่ไปกับมาตรฐานด้านความสะอาด การสวมใส่ PPE อย่างถูกต้อง การควบคุมระบบระบายอากาศ การฝึกอบรมพนักงาน การจัดการสารเคมี และการรักษาความสะอาดพื้นที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนและอุบัติเหตุ การปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ห้องคลีนรูมเป็นสถานที่ทำงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น