ห้องคลีนรูม (Cleanroom) เป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษที่ถูกออกแบบมาเพื่อลดและควบคุมการปนเปื้อนในอากาศ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการผลิตที่ต้องการความสะอาดสูง เช่น อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมยา เวชภัณฑ์ อาหาร เครื่องมือแพทย์ และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ โดยภายในห้องคลีนรูมนั้นต้องมีการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ อย่างเข้มงวดเพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์หรือกระบวนการทำงานเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ในบทความนี้เราจะมาดูปัจจัยสำคัญที่สามารถควบคุมได้ในห้องคลีนรูม

ปัจจัยที่สามารถควบคุมได้ในห้องคลีนรูม
1. อัตราการหมุนเวียนอากาศ (Air Change Rate)
อัตราการหมุนเวียนอากาศภายในห้องคลีนรูมมีผลต่อการรักษาคุณภาพของอากาศ การหมุนเวียนของอากาศถูกกำหนดโดยระบบ HVAC (Heating, Ventilation, and Air Conditioning) และการกรองอากาศด้วย HEPA (High Efficiency Particulate Air) หรือ ULPA (Ultra Low Penetration Air) เพื่อกำจัดอนุภาคขนาดเล็ก การหมุนเวียนอากาศที่เหมาะสมช่วยป้องกันการสะสมของฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อน
- ห้องคลีนรูมระดับ ISO 5 หรือ Class 100 ต้องมีอัตราการหมุนเวียนอากาศสูงถึง 240-600 ครั้งต่อชั่วโมง
- ห้องคลีนรูมระดับ ISO 7 หรือ Class 10,000 มีอัตราการหมุนเวียนอากาศประมาณ 30-60 ครั้งต่อชั่วโมง
2. ปริมาณฝุ่นและอนุภาคในอากาศ (Particle Control)
ห้องคลีนรูมมีการควบคุมระดับอนุภาคในอากาศอย่างเข้มงวด โดยใช้มาตรฐานเช่น ISO 14644-1 หรือมาตรฐาน GMP (Good Manufacturing Practice) ตามแนวทางของ PIC/S (Pharmaceutical Inspection Co-operation Scheme) ซึ่งกำหนดระดับความสะอาดของอากาศในแต่ละระดับของห้องคลีนรูม อนุภาคเหล่านี้สามารถมาจากบุคคล อุปกรณ์ หรือกระบวนการผลิตเองได้
- ใช้เครื่องกรองอากาศ HEPA หรือ ULPA เพื่อลดปริมาณอนุภาค
- จำกัดการเคลื่อนไหวของบุคลากรเพื่อลดการก่อให้เกิดฝุ่นและสิ่งปนเปื้อน
- ใช้วัสดุที่ลดการเกิดฝุ่น เช่น พื้นผิวเรียบและเสื้อผ้าคลีนรูมที่เหมาะสม
3. อุณหภูมิภายในห้องคลีนรูม (Temperature Control)
การควบคุมอุณหภูมิในห้องคลีนรูมมีความสำคัญต่อกระบวนการผลิตและความสะดวกของบุคลากร โดยทั่วไป อุณหภูมิจะถูกควบคุมให้อยู่ในช่วง 20-25°C เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องจักรเกิดความร้อนสูงเกินไป และช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ห้องที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ อาจต้องการอุณหภูมิที่คงที่มากขึ้น เช่น 22°C ± 1°C
- ใช้ระบบปรับอากาศแบบเฉพาะเพื่อรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในช่วงที่กำหนด
4. ความดันอากาศภายในห้องคลีนรูม (Air Pressure Control)
ความดันอากาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยควบคุมการไหลของอากาศและการแพร่กระจายของสิ่งปนเปื้อน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่
- ความดันบวก (Positive Pressure): ใช้เพื่อป้องกันอากาศภายนอกที่มีสิ่งปนเปื้อนเข้ามาภายในห้อง เช่น ห้องผลิตยา ห้องผลิตเครื่องมือแพทย์ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์
- ความดันลบ (Negative Pressure): ใช้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของสารอันตรายหรือเชื้อโรคออกจากห้อง เช่น ห้องแล็บวิจัย ห้องผลิตสารเคมี หรือห้องที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคติดเชื้อ
5. ความชื้นสัมพัทธ์ (Relative Humidity Control)
ระดับความชื้นภายในห้องคลีนรูมมีผลต่อทั้งเครื่องจักร วัสดุ และสุขภาพของบุคลากร โดยทั่วไป ค่าความชื้นสัมพัทธ์ที่เหมาะสมอยู่ที่ 40%-60%
- หากความชื้นสูงเกินไป อาจทำให้เครื่องจักรเกิดสนิม วัสดุเสื่อมสภาพ และการเติบโตของเชื้อรา
- หากความชื้นต่ำเกินไป อาจทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตซึ่งส่งผลต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และวัสดุบางชนิด
6. การควบคุมแสงสว่าง (Lighting Control)
แสงสว่างที่เหมาะสมในห้องคลีนรูมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและลดความผิดพลาด โดยทั่วไปใช้แสงที่มีอุณหภูมิสี 4000-5000K และมีค่าความสว่างระหว่าง 300-1000 lux ขึ้นอยู่กับประเภทของกระบวนการผลิต
- ใช้โคมไฟที่มีฝาปิดป้องกันฝุ่นเพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งปนเปื้อน
- ใช้แสงที่ไม่ก่อให้เกิดแสงสะท้อนหรืออาการเมื่อยล้าของดวงตา
7. การควบคุมเสียงรบกวน (Noise Control)
ระดับเสียงภายในห้องคลีนรูมควรถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ (ปกติไม่เกิน 60-65 dB) เพื่อให้บุคลากรทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเครียดที่เกิดจากเสียงรบกวนจากเครื่องจักร
การควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ในห้องคลีนรูมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้กระบวนการผลิตเป็นไปอย่างราบรื่น ปราศจากการปนเปื้อน และเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอากาศ ฝุ่น อุณหภูมิ ความดัน ความชื้น แสง หรือเสียง ทุกปัจจัยล้วนมีบทบาทสำคัญในการรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และความปลอดภัยของบุคลากร การเข้าใจและปฏิบัติตามแนวทางการควบคุมเหล่านี้จะช่วยให้การดำเนินงานภายในห้องคลีนรูมมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานสูงสุด