5 อุตสาหกรรม ที่ต้องมี Clean Room

ห้องคลีนรูม (Clean Room) เป็นพื้นที่ที่มีการควบคุมสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวด เช่น การควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และอนุภาคฝุ่นในอากาศ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนที่อาจส่งผลเสียต่อผลิตภัณฑ์ หรือกระบวนการผลิต ธุรกิจในหลายอุตสาหกรรมที่ต้องการรักษามาตรฐานความสะอาดและคุณภาพต่างพึ่งพาห้องคลีนรูมอย่างสูง ซึ่งอุตสาหกรรมหลักที่จำเป็นต้องมีห้องคลีนรูม คืออุตสาหกรรมดังต่อไปนี้


1. อุตสาหกรรมผลิตยา และชีวเภสัชภัณฑ์
การผลิตยา และชีวเภสัชภัณฑ์ต้องดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้ออย่างสมบูรณ์ เพราะยาที่ผลิตจะถูกนำไปใช้โดยตรงกับร่างกายของมนุษย์ การปนเปื้อนจากฝุ่น เชื้อจุลินทรีย์ หรือสารเคมีต่างๆ สามารถส่งผลให้ยาสูญเสียประสิทธิภาพ หรืออาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคได้ ในกระบวนการผลิต เช่น การเตรียมสารออกฤทธิ์ หรือการบรรจุยาปราศจากเชื้อ ต้องการความสะอาดในระดับสูงสุด ดังนั้นห้องคลีนรูมในอุตสาหกรรมนี้จะต้องควบคุมอากาศด้วย HEPA Filter และรักษาความดันภายในห้องให้สูงกว่าอากาศภายนอก เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอกเข้ามา

 


2. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และเซมิคอนดักเตอร์
การควบคุมอนุภาคฝุ่นถือเป็นหัวใจสำคัญ ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากชิ้นส่วนอย่างชิปคอมพิวเตอร์ หรือ แผงวงจรไฟฟ้า มีความละเอียดอ่อนและเล็กมาก ทำให้อนุภาคฝุ่นแม้เพียงขนาดไมครอนก็สามารถทำให้ระบบวงจรเกิดความเสียหาย หรือทำให้อุปกรณ์ทำงานผิดพลาดได้ คลีนรูมที่ใช้ในโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์มักต้องควบคุมความสะอาดในระดับ Class 1 หรือ Class 10 ตามมาตรฐาน ISO 14644 ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีอนุภาคขนาด 0.1 ไมครอน หรือเล็กกว่านั้น ไม่เกิน 10 อนุภาคต่อลูกบาศก์ฟุต ระบบกรองอากาศ HEPA หรือ ULPA จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยรักษาความสะอาดภายในห้อง

 

3. อุตสาหกรรมการแพทย์ และเครื่องมือแพทย์
อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุ้นหัวใจ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ปลูกถ่ายอวัยวะภายในร่างกาย ต้องการการผลิตที่ปราศจากเชื้ออย่างเข้มงวด เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มักถูกใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ในห้องผ่าตัด ห้องคลีนรูมในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ มักถูกออกแบบให้มีมาตรฐานการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด ต้องตรวจสอบความสะอาดเป็นประจำ และรักษาความดันให้เหมาะสมเพื่อป้องกันอากาศภายนอกปนเปื้อนเข้ามา นอกจากนี้ ผู้ปฏิบัติงานต้องสวมใส่ชุดป้องกันอย่างเหมาะสม เช่น ชุดคลุม หน้ากากอนามัย และถุงมือที่ใช้ในห้องคลีนรูมโดยเฉพาะ


4. อุตสาหกรรมอากาศยาน และยานยนต์
การผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เช่น ระบบควบคุมการบิน หรือระบบควบคุมอัตโนมัติของรถยนต์ ต้องดำเนินการในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากฝุ่น เพื่อให้แน่ใจว่าชิ้นส่วนจะทำงานได้อย่างแม่นยำ ห้องคลีนรูมในอุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงควบคุมปริมาณฝุ่นเท่านั้น แต่ยังต้องควบคุมการเกิดไฟฟ้าสถิต ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้อีกด้วย การตรวจสอบ และบำรุงรักษาความสะอาดของห้องคลีนรูมเป็นประจำ จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าชิ้นส่วนทุกชิ้นมีความสมบูรณ์ และพร้อมใช้งาน

 


5. อุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่ม
แม้ว่าอุตสาหกรรมอาหาร และเครื่องดื่มจะไม่ต้องการคลีนรูมที่มีความเข้มงวดเท่ากับอุตสาหกรรมการผลิตยา แต่ก็มีการใช้ห้องคลีนรูมในการผลิตอาหารเสริม หรือ ผลิตภัณฑ์ที่ต้องการความบริสุทธิ์สูง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนจากฝุ่น แบคทีเรีย และสารเคมี การใช้คลีนรูมในอุตสาหกรรมนี้ช่วยให้กระบวนการผลิตมีความปลอดภัยมากขึ้น โดยเฉพาะการผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น นมผงสำหรับทารก หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม นอกจากนี้การควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นในห้องยังช่วยยืดอายุการเก็บรักษาของสินค้าได้อีกด้วย

ห้องคลีนรูมมีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรมที่ต้องการรักษามาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยในการผลิต การลงทุนในห้องคลีนรูมจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ตรงตามมาตรฐาน และสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าและผู้บริโภคในระยะยาว

แชร์ไปยัง:

บทความที่เกี่ยวข้อง